ปูนปลาสเตอร์ (Plaster หรือ Plaster of Paris) คือปูนได้มาจากการนำแร่ยิบซั่ม (Gypsum) มาให้ความร้อนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมี เป็นปูนที่มีเนื้อเป็นผงสีขาว และมีเนื้อละเอียด สามารถทำประโยชน์หลายอย่าง เช่น วัสดุก่อสร้าง นำมาใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิก สุขภัณฑ์, เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร, เครื่องประดับ, วงการทันตกรรม, การหล่อโลหะ, เครื่องประดับ, เครื่องมือการแพทย์, เครื่องสำอางและอีกหลายๆ คุณสมบัติหลักที่ทำให้นิยมใช้งานก็คือความสามารถที่จะแข็งตัวได้รูปตามแม่พิมพ์ที่ใช้ โดยที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปูนจะเปลี่ยนปฏิกิริยาทางเคมีนับเวลาจากที่เราเริ่มกวนให้ปูนผสมกับน้ำ ผลึกของเม็ดปูนจะขยายตัวเป็นผลึกรูปเข็ม (Viscart meedlt) เรียงไขว้เกาะกัน ผลจากโครงสร้างนี้ทำให้เกิดรูพรุนมากมาย ผลึกปูนจะค่อยๆโตขึ้นทีละนิดทำให้เนื้อปูนที่ผสมกับน้ำกลายเป็นวุ้นหรือครีมข้น หลังจากเริ่มกวนไปได้ประมาณ 4 – 5 นาที ก็พร้อมที่จะนำมาเทลงในพิมพ์
ปูนจะเริ่มแข็งตัวอย่างรวดเร็วหลังจากเทลงในแบบพิมพ์แล้วประมาณ 15 – 30 นาที ในขณะที่ปูนแข็งตัวก็จะคลายความร้อนออกมาด้วย ความร้อนสูงสุดเกิดขึ้นขณะที่ปูนขยายตัวเต็มที่ประมาณ 35 ?Cใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที หลังจากที่การเทปูน ขณะที่เกิดความร้อนขึ้นในปูนเป็นช่วงที่ปูนแข็งตัวพอแล้ว ใช้มือสัมผัสที่ผิวปูน เมื่อปูนเริ่มเย็นตัวลงให้ถอดแบบออกได้
ความร้อนในขณะที่ปูนขยายตัวเต็มที่นี้มีประโยชน์ในการทอดพิมพ์แต่ละชิ้นออกจากกัน สามารถทำได้ง่ายขึ้น ความร้อนทำให้เกิดไอน้ำ ซึ่งทำให้น้ำสบู่ที่ทาไว้อ่อนตัวลงหรือมีลักษณะที่เหลว จึงทำให้แกะแบบได้ง่าย
ในขณะที่ปูนแข็งตัวนี้ ขนาดของปูนจะขยายตัวเล็กน้อยประมาณ 0.2 % - 0.4 % แล้วแต่ปริมาณและปูนที่ใช้ อย่างไรก็ตามปูนปลาสเตอร์หินหรือยิปซั่มปูนซีเมนต์มีอัตราการขยายตัวต่ำมากประมาณ 0.1 % และบางชนิดเกือบไม่มีการขยายตัวเลย อัตราการขยายตัวของปูนปลาสเตอร์จะสิ้นสุดลงเมื่อเวลาผ่านไป 24 ชม